_ SMARTSTARTUP (ผู้นำด้านการวางแผนธุรกิจสำหรับการเริ่มธุรกิจและการขอเงินทุน)

Smart Startup

Smart Startup
ที่ปรึกษาธุรกิจ, วางแผนธุรกิจ, รับเขียนแผนธุรกิจ

เมื่อจะทำธุรกิจส่วนตัวต้องมีอะไรบ้าง?


เมื่อจะทำธุรกิจส่วนตัวต้องมีอะไรบ้าง?


ในการทำธุรกิจส่วนตัวนั้นใครๆ ก็สามารถทำได้ แต่คนที่จะทำแล้วประสบความสำเร็จจริงๆ มีไม่เพียงกี่คน เพราะนอกจากจะอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญของตัวเองที่มีอยู่นั้น คนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวยังจะต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้ธุรกิจของตัวเองอยู่รอดอีกด้วย ถ้าหากว่าคุณกำลังสนใจทำธุรกิจส่วนตัวหรือว่าได้เริ่มต้นทำมาซักระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะพัฒนาตัวเองจากจุดไหน อย่าพึ่งกังวลใจไปเพราะเรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว

1. ความรู้
ความเข้าใจกับงานที่ทำ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ และมันก็จะเป็นเรื่องยากในการขัยบเคลื่อนธุรกิจส่วนตัวให้ไปได้ไกล ถ้าหากว่าคุณอยากจะทำธุรกิจ แต่ไม่มีการวางแผนธุรกิจที่ดี และจะต้องมีความเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำอีกด้วย ซึ่งความรู้ ความเข้าใจนั้นจะช่วยให้คุณพัฒนาธุรกิจของคุณให้ก้าวกระโดดไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น

2. ความคิดสร้างสรรค์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ไม่ยอมพาตัวเองออกจากกะลา แต่ถ้าคุณได้เปิดโลกของตัวเอง เปิดใจ และเป็นคนที่ทำอะไรใหม่ๆ คุณจะพบว่าในการทำธุรกิจส่วนตัวนั้นมันมีหนทางมากมายที่คุณสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้ได้ในการทำธุรกิจ เราจะเห็นตัวอย่างของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์ และมีการเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ทั้งนั้น

3. เครือข่าย
มันก็จริงอยู่ในการทำธุรกิจส่วนตัวนั้นเราไม่ต้องไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องกับใครที่ไหน แต่ว่าการสร้างเครือข่ายนั้นจะทำให้ธุรกิจของคุณสามารถไปได้ไกลกว่าที่คิดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือว่าขนาดใหญ่ย่อมต้องการเครือข่ายเพื่อใช้เป็นสายสัมพันธ์ในการสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ อีกทั้งเครือข่ายยังเป็นตัวช่วยให้คนรู้จักกับธุรกิจของคุณมากขึ้น

4. เงินทุน
เราจะกฎิเสธไม่ได้เลยถ้าหากว่าเราจะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวโดยที่ไม่มีเงินทุนในการใช้จ่าย เพราะไม่ว่าจะทำอะไรนั้นเงินเป็นสิ่งที่เราจะต้องใช้แลกกับมันมา ถ้าคุณมีไอเดียจากความใฝ่ฝันของคุณซักอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีเงินทุนก็ไม่สามารถทำให้ไอเดียนั้นสานต่อให้เป็นความจริงได้ เพราะฉะนั้นแหล่งเงินทุนนั้นก็เรื่องที่คุณเองจะต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

5. ความตั้งใจ
และความพยายาม ทุกธุรกิจจะต้องเจอกับอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบว่าคุณจะสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่ บางคนไม่มีความพยายามมากพอก็ทำให้ธุรกิจส่วนตัวนั้นล้มลงไปก่อน แต่สำหรับคนที่มีความพยายาม และความตั้งใจแล้วรับรองว่าไม่ว่าจะเจอกับบททดสอบที่ยากแค่ไหนก็จะผ่านมันไปได้

ต้องการปรึกษาและวางแผนธุรกิจติดต่อได้ที่ email: service@smartstartupthailand.com

#ธุรกิจส่วนตัว #วางแผนธุรกิจ #เขียนแผนธุรกิจ

8 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจแบบฉลาดๆ


8 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจแบบฉลาดๆ


การเริ่มต้นธุรกิจนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้หรือว่าเป็นเรื่องง่ายจนเกินไปที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ให้สำเร็จ เพราะว่าไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทไหนนั้นก็จะต้องมีการวางแผนที่ดีเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะทำให้แต่ละก้าวของการทำธุรกิจนั้นเป็นไปได้ด้วยความรอบคอบ และก็มีหลายคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจแล้วจะต้องล้มลง เพราะว่าไม่มีการวางแผนธุรกิจที่ดีนั่นเอง เพราะฉะนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเราจะทำยังไงได้บ้างเพื่อให้ธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จในอนาคต

1. มีการวางระบบตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ การวางระบบในที่นี้หมายถึงการที่คุณจะต้องวางแผนเอาไว้ว่าภายในบริษัทหรือว่าองค์กรของคุณนั้นจะต้องมีทิศทางการทำงานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นจะช่วยคุณมองเห็น Scope ของงานที่คุณจะจ้างคนให้เข้ามาทำงานเพื่อคุณอีกด้วย

2. เลือกคนทำงานให้เข้ากับงานที่ต้องทำ หลายคนเลือกคนทำงานที่ไม่เหมาะกับศักยภาพของคนคนนั้น ทำให้จะต้องเจอกับปัญหาตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลงานที่ไม่ดีพอ หรืออาจจะต้องเปลี่ยนบุคลากรในการทำงานบ่อยครั้ง

3. จ่ายภาษีให้ตรงตามเวลาที่กำหนด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ไม่น้อย เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่ละเลยการจ่ายภาษีทำให้จะต้องมาจ่ายย้อนหลัง และจะต้องเสียตค่าปรับเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่อยากเสียมากกว่าได้แล้วล่ะก็ให้จ่ายภาษีให้เป็นระบบซะ

4. มีการทำบัญชีออนไลน์ หรือว่ามีการจัดเก็บบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย ในการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นไม่ได้มีเพียงแค่การจัดการที่จะต้องเป็นระบบเท่านั้น เงินที่เข้าออกบริษัทก็จะต้องมีความเป็นระเบียบอีกด้วย

5. ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน นอกจากจะช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจของคุณนั้นเป็นไปด้วยความเรียบง่ายแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าจ้างคนเข้ามาทำงานในระยะยาวได้

6. ใช้ Outsource ที่มีคุณภาพ ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้บริการหน่วยงานภายนอกหรือที่เราเรียกว่า Outsource นั้นให้คุณวางแผนเอาไวว่าจะใช้บริการจากที่ไหน และบริษัทหรือหน่วยงานนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

7. มีการลงทุนเพิ่มเติม ในกรณีที่บริษัทหรือว่าองค์กรของคุณมีการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดีแล้ว จำนวนเงินที่จะเข้ามาในองค์กรก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นให้นำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนบ้าง เพื่อที่จะหารายได้เข้าบริษัทหรือองค์กรได้หลากหลายช่องทาง

8. ตรวจสอบบัญชี และกระแสเงินที่เข้าออกในการเริ่มต้นทำธุรกิจให้ดี เพราะคนจำนวนมากลืมสังเกต และไม่ใส่ใจกับเงินที่จ่ายออกไปทำให้จะต้องมานั่งปวดหัวทีหลังกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากมาย รวมถึงจำนวนเงินเป็นจำนวนมากที่จะต้องจ่ายในอนาคตอีกด้วย


#ธุรกิจส่วนตัว #วางแผนธุรกิจ #เขียนแผนธุรกิจ

5 ธุรกิจเสิรมน่าสนใจในปี 2016


5 ธุรกิจเสริมน่าสนใจในปี 2016


ปี 2016 เป็นปีของการเริ่มต้นใหม่ของทุกชีวิตคนทำงาน มีหลายคนที่อยากออกจากงานประจำเพื่อมาทำงานส่วนตัว หรืออาจจะเป็นปีที่ใครหลายคนต้องการทำธุรกิจเสริมเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง สำหรับคนที่ทำงานประจำนั้นจะมีเวลาว่างในวันหยุดหรืออาจจะมีเวลาพักผ่อนในแต่ละวัน แต่อยากใช้เวลาว่างตรงนั้นให้เกิดประโยชน์ เราเลยอยากแนะนำงานธุรกิจเสริมในปี 2016 มาให้คุณได้ลองทำกัน จะเป็นธุรกิจอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่า

1. ขายสินค้าออนไลน์ แน่นอนว่า Social media และการตลาดออนไลน์นั้นกำลังมาแรงแซงโค้ง และเป็นช่องทางการตลาดที่ได้รับการตอบรับมากกว่าช่องทางอื่นๆ เพียงแค่คุณค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร คุณก็สามารถหาสินค้านั้นๆ มาขายได้ อย่างเช่นคุณเป็นคนชอบเสื้อผ้า หรืออาจจะชอบเครื่องประดับก็สามารถหาแหล่งเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าถูกๆ มาขายบน Social media ก็ได้

2. รับถ่ายรูป สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปหรือว่ามีกล้องคู่ใจสะพานติดหลังไปหมดทุกที่ และคุณเองยังมีฝีมือการถ่ายรูปที่โดดเด่นนั้นก็สามารถทำมาหากินได้จากการรับจ้างถ่ายรูปนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นถ่ายรูปรับปริญญาหรือว่าถ่ายรูปทำโปรไฟล์ให้กับคนที่ต้องการทำ Resume ก็สามารถได้ทำได้เช่นกัน โดยรายได้ที่คุณจะได้นั้นอาจจะได้มากถึง 3,000 บาทต่อวันเลยทีเดียวล่ะ

3. รับจ้างสอนพิเศษ หรือที่เรารู้จักกันก็คือ Tutor นั่นเอง การทำธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพียงแค่คุณมีความรู้ และเชี่ยวชาญในเรื่องใดก็สามารถใช้เวลาว่างของแต่ละวันนั้นไปสอนให้กับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการเรียนพิเศษเพิ่มเติม โดยสถานที่นั้นจะเป็นที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือว่าจะเป็นบ้านของผู้เรียนก็สามารถทำการสอนได้เช่นเดียวกัน

4. รับออกแบบกราฟฟิค หลายคนที่มีฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์หรือว่าเรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งศิลปะนั้นก็สามารถรับออกแบบกราฟฟิคได้ โดยอาจจะเป็นรับออกแบบให้กับเว็บไซต์หรือว่าแฟนเพจต่างๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ซึ่งธุรกิจนี้สามารถทำกำไรให้กับคุณได้มากมายเลยทีเดียวล่ะ เพราะในปัจจุบันนี้เราก็ยังหาคนที่ทำกราฟฟิคออกมาดีๆ ได้ยากอยู่เหมือนกัน

5. รับแต่งหน้า แน่นอนว่าสาวๆ ทุกคนที่ต้องการแต่งหน้านั้นอาจจะยังแต่งหน้าไม่เป็น แต่จะต้องออกงาน หรือบางครั้งจะต้องใช้หน้าตาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ใครที่มีความสามารถในการแต่งหน้า อีกทั้งทำผม หรือจะเป็นการจัดระเบียบเครื่องแต่งกายให้กับคนที่มีความต้องการได้นั้นก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้ โดยจำนวนเงินที่คุณจะได้นั้นก็อยู่ที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันเลยทีเดียว


เพิ่มยอดขายด้วย 5 วิธีเด็ดๆ


เพิ่มยอดขายด้วย 5 วิธีเด็ดๆ


การวางแผนการตลาดนั้นถือได้ว่าเป็นการวางแผนธุรกิจที่นักธุรกิจทุกคนหรือไม่ว่าจะเป็นคนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว รวมถึงนักการตลาดที่ดีจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก เพราะการตลาดไม่ใช่เพียงแค่การทำให้ลูกค้าเข้าถึงตัวของสินค้ามากขึ้น แต่การวางแผนการตลาดที่ดีนั้นก็คือการเพิ่มยอดขายเพื่อทำกำไรให้กับธุรกิจได้อีกด้วยเช่นกัน ซึ่งการเพิ่มยอดขายด้วย 5 วิธีเด็ดๆ ต่อไปนี้จะทำให้คุณได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น และได้ผลประกอบการจากการขายเป็นหลายเท่าตัวเลยทีเดียวล่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. เพิ่มช่องทางในการขาย สมัยนี้ใครๆ ก็ใช้โทรศัพท์เป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ไปแล้ว และที่สำคัญคือไม่ว่าจะซื้อหรือจะขายอะไรนั้นก็จะใช้ Social media เป็นช่องทางในการขาย ในสมัยก่อนเราอาจจะไม่ได้มีการวางแผนธุรกิจด้วยการตีตลาดทางทางด้านสื่อออนไลน์ซักเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าสื่อเหล่านี้นี่แหละที่เป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มการขายได้เป็นอย่างดี

2. เข้าถึงลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ การที่เราขายสินค้าหรือการบริการเพียงแค่ในประเทศนั้นมันก็อาจจะดีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าเราสามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีรายได้มากกว่า มีความสามารถในการซื้อมากกว่า มันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งการที่เรามีสินค้าที่น่าสนใจ มีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว รับรองแลยว่าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าประเทศไหนๆ ก็จะต้องให้การยอมรับเป็นอย่างแน่นอน

3. Service mind
ต้องมาพร้อมกับการขายสินค้าที่ดี หลายคนที่คิดถึงแต่ด้านการเป็นผู้ประกอบการที่จะต้องวางแผนธุรกิจโดยการพัฒนาตัวสินค้าเป็นหลัก ถ้าเราเปรียบเทียบกับการคนขาย 2 คนที่มีสินค้าชนิดเดียวกัน แต่หนึ่งในนั้นมีการบริการที่ดีกว่า แน่นอนว่าลูกค้าจะเลือกซื้อของคนที่มีการบริการที่ดีกว่า ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินในจำนวนที่มากขึ้นนิดหน่อยก็ตาม

4. ทำกำไรจากตลาดเดิมที่มีอยู่แล้ว บางคนที่ขายสินค้าในตลาดเก่าอยู่แล้ว และพบว่าลูกค้าซื้อสินค้าของตัวเองน้อยกว่าเจ้าอื่น เลยหันไปวางแผนการตลาดในตลาดใหม่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเพียงแค่คุณลองกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความอยากซื้อในตลาดเดิม คุณก็มีสิทธิ์ที่จะได้ผลกำไรมากขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงจากการทำการตลาดใหม่เลย

5. ผลิตสินค้าใหม่ๆ
บางครั้งการวางแผนธุรกิจแบบเดิมๆ ผลิตแต่สิ่งเดิมๆ ทำแต่สิ่งเดิมๆ นั้นมันไม่ได้ช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ การขายสินค้าก็เช่นเดียวกัน เพราะถ้าคุณผลิตแต่สิ่งเดิมๆ นอกจากจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาแล้ว ผลประกอบการก็จะลดลงอีกด้วย แต่ถ้าคุณใส่ไอเดียเจ๋งๆ เข้าไป แปรรูปสินค้าหรือหาวิธีการผลิตสินค้าให้แปลกใหม่ขึ้น คุณก็สามารถสร้างความแตกต่าง และยังสามารถเพิ่มยอดขายจากสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้วอีกด้วย

7 ขั้นตอนเจาะลึกถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ

7 ขั้นตอนเจาะลึกถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ




เมื่อไหร่ที่จะต้องเขียนแผนธุรกิจนั้นมีสิ่งหนึ่งที่คุณจะลืมไม่ได้เป็นอันขาดนั่นก็คือวิธีการเข้าถึงลูกค้าหรือเราจะเรียกได้ง่ายๆ ว่าทำยังไงถึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเรานั่นเอง ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็คือวิธีที่ทำให้เราเข้าใจลูกค้า รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อของหรือเข้ามาใช้บริการของเรา โดยเรามี 7 ขั้นตอนในการเจาะลึกถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยคุณสามารถนำไปใช้กับการเขียนแผนธุรกิจของคุณได้เลย

1. What (ลูกค้าต้องการซื้ออะไร) เราจะต้องทำความเข้าใจว่าลูกค้าของเราอยากได้อะไร บางคนไม่ได้อยากได้คุณภาพของตัวสินค้าจริงๆ แต่เลือกซื้อเพราะว่ามีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ถ้าหากว่าคุณสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ออกมาดูดีก็สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าได้ไม่ยาก

2. Where (ลูกค้าซื้อที่ไหน) สิ่งนี้จะทำให้เราทราบว่าเราควรเพิ่มช่องทางกาขายได้จากที่ไหนบ้าง ลูกค้าของคุณอาจเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีเว็บไซต์ดีๆ เอาไว้ขายของ สามารถให้บริการลูกค้าบนเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดีก็ทำให้คุณตอบโจทย์ของลูกค้าได้

3. When (ลูกค้าซื้อเมื่อไหร่) เราสามารถสังเกตจากพฤติกรรมของคนเรา เวลาที่จะมีคนออกมาซื้อกับข้าวมากที่สุดก็คือช่วงพักกลางวัน และตอนเย็น ในการขายสินค้าของคุณก็เหมือนกัน ถ้าช่วงไหนที่ลูกค้าออกมาซื้อสินค้ามากๆ ก็สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเวลานั้นๆ ให้มากขึ้น

4. Why (ทำไมต้องซื้อ)
ลูกค้าบางคนที่เข้ามาซื้อสินค้าของคุณอาจจะเป็นเพราะความจำเป็น และสินค้าที่คุณขายนั้นเป็นสิ่งที่พวกเค้าต้องใช้ แต่บางคนเข้ามาซื้อเพราะว่าอยากได้ไปเป็นของขวัญ ฉะนั้นถ้าคุณรู้ว่าลูกค้าซื้อไปทำไมก็ทำให้คุณมีโอกาสเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

5. Who (ใครคือลูกค้าของเรา)
ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะถ้าเราทราบว่าใครจะมาเป็นลุกค้าของเรานั้นเราจะสามารถคาดเดาพฤติกรรม หรือมีวิธีในการเรียกร้องความสนใจให้ลูกค้าสนใจในตัวสินค้าได้มากขึ้นแบบไม่ยาก ซึ่งจะทำให้การขายของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น

6. Who (ใครมีส่วนในการตัดสินใจซื้อ)
ลูกค้าบางกลุ่มอาจจะไม่ได้เข้ามาซื้อสินค้าเพราะนำไปใช้เอง แต่ว่าซื้อไปให้คนอื่น นั่นก็หมายความว่าคนที่ลูกค้าซื้อไปให้นั้นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการซื้อด้วย ถ้าคุณรู้และเข้าใจว่าคนที่มีส่วนร่วมในการซื้อนั้นเป็นอย่างไร คุณก็สามารถกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพขึ้นได้

7. How (ลูกค้ามีความคิดในการตัดสินใจซื้ออย่างไร) ลูกค้าแต่ละคนมีวิธีการตัดสินใจซื้อที่แตกต่างกันออกไป ถ้าคุณเข้าใจความรู้สึก และความต้องการของลูกค้า คุณสามารถปรับปรุงการนำเสนอการขายเพื่อตอบสนองต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น


หากต้องการปรึกษาการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือวางแผนธุรกิจสามารถติดต่อได้ที่ 

Email: service@smartstartupthailand.com
Tel: 083 916 4194
Fb: www.facebook.com/smartstartupthailand 

#การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจส่วนตัว #เริ่มต้นธุรกิจ

อยากทำธุรกิจส่วนตัวเริ่มต้นยังไงดี

อยากทำธุรกิจส่วนตัวเริ่มต้นยังไงดี



แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองทั้งนั้น และหลายคนก็รู้สึกว่าอยากจะลงมือทำให้ความใฝ่ฝันเล็กๆ กลายเป็นความจรงซักที แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในความเป็นจริงแล้วอย่างน้อยคุณเองก็จะต้องมีการวางแผนธุรกิจก่อนอยู่เสมอ เพราะถ้าลงมือทำโดยไม่มีการวางแผนก็เหมือนกับการไปตายเอาดาบหน้านั่นเอง เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าถ้าอยากจะมีธุรกิจส่วนตัวนั้นจะต้องเริ่มจากตรงไหนบ้าง?

1. ลงมือทำ สิ่งที่ทุกคนกลัวมากที่สุดนั่นก็คือการลงมือทำ บางคนได้แค่คิด แต่ไม่เคยลงมือทำ แล้วคุณคิดหรือว่าธุรกิจส่วนตัวที่คุณใฝ่ฝันมานานนั้นมันจะเกิดขึ้นจริง? ฉะนั้นเมื่อคุณคิดได้แล้วก็เริ่มลงมือทำมันซะ ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่อย่างน้อยการเริ่มต้นด้วยจุดเล็กก็ทำให้เกิดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

2. มองหาลูกค้า
คุณจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจส่วนตัว เพราะว่าลูกค้าจะไม่เดินเข้ามาหาคุณแน่นอน เช่นเดียวกันโอกาสมันไม่เดินเข้ามาหาคุณเองหรอก คุณต่างหากที่จะต้องเดินเข้าไปหา

3. ใช้แผนสำรอง
ทุกครั้ง ทุกสถานการณ์ที่เราทำนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้น โดยที่เราไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้เลย แต่การที่คุณมีแผนสำรองเอาไว้แก้ปัญหาจะเป็นผลดีกับตัวคุณ และธุรกิจส่วนตัวของคุณด้วย

4. มองหาความสามารถของตัวเอง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดหรือชอบทำอะไร ได้แต่ทำตามคนอื่น ในที่สุดก็ต้องล้มเลิกเพราะมันไม่ใช่ตัวของคุณเอง และการทำธุรกิจส่วนตัวนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความเป็นตัวตนของตัวเองถ่ายทอดออกมาสู่ผลงาน

5. หาเงินทุน ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าเงินทุนในการทำธุรกิจส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่น้อย ยิ่งเป็นการเริ่มต้นนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีเงินสำรองอยู่เสมอ และการทำธุรกิจส่วนตัวเองก็จะต้องใช้เงินในการเริ่มต้นด้วยเช่นกัน

6. สำรวจตลาด ถึงแม้จะเป็นการทำธุรกิจส่วนตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่มีคู่แข่ง เพราะในตลาดของสินค้าแต่ละอย่างนั้นย่อมมีคนที่ทำก่อนหน้าคุณไปแล้วอย่างแน่นอน ถ้าไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด คุณก็ควรสำรวจตลาดว่าตรงกับแผนธุรกิจของคุณหรือเปล่า

7. บริหารจัดการกับเวลา การทำธุรกิจส่วนตัวคุณจะต้องทุ่มเทกับงานให้มาก เพราะไม่มีใครมากำหนดคุณว่าจะต้องทำอะไร เวลาไหน มีแต่ตัวของคุณเองเท่านั้นที่จะต้องทำมันเองทั้งหมด ฉะนั้นคุณควรวางแผนว่าจะทำอะไรในเวลาไหน และควรจะแบ่งเวลาให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกับสุขภาพของตัวเอง


หากต้องการปรึกษาการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือวางแผนธุรกิจสามารถติดต่อได้ที่ 

Email: service@smartstartupthailand.com
Tel: 083 916 4194
Fb: www.facebook.com/smartstartupthailand 

#การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจส่วนตัว #เริ่มต้นธุรกิจ

ทำไมต้องวางแผนธุรกิจก่อนเริ่มทำ

ทำไมต้องวางแผนธุรกิจก่อนเริ่มทำ



เวลาคุณจะทำอะไร ไปที่ไหน เวลาไหน คุณได้มีการวางแผนก่อนหรือเปล่า? ใช่แล้วล่ะ บางคนอยากจะไปไหนก็ไป ไม่มีการวางแผน และคิดว่าไม่จำเป็นต้องวางแผนอะไรทั้งนั้น รวมถึงคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจก็มักจะมีนิสัยแบบนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคิดว่าการวางแผนธุรกิจไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญอะไร สู้ลงมือทำไปเลยจะดีกว่า แต่ในความเป็นจริงนั้นถ้าหากว่าคุณไม่มีการวางแผนเมื่อไหร่ที่คุณเจอกับอุปสรรค์อาจจะทำให้ล้มไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะทำธุรกิจมาดูกันเลยว่าทำไมเราจะต้องวางแผนธุรกิจก่อนเริ่มทำ?

1. เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอ
ง และเป็นการป้องกันตัวเอง อย่างที่เรารู้กันว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรนั้นการวางแผนเป็นเหมือนการวางหมากให้พร้อมสำหรับการเดิน แต่ถ้าคุณไม่มีหมากตัวดี หรือไม่มีการวางแผนธุรกิจที่ดีก่อนนั้นก็อาจจะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร

2. คุณจะได้ทราบว่าแหล่งเงินทุนควรมาจากที่ไหน เมื่อไหร่ที่เราต้องการเงินทุนในการทำธุรกิจอาจจะมีการกู้ยืมหรืออาจจะมาจากเงินเก็บของตัวเอง ซึ่งการวางแผนธุรกิจนี่แหละที่ช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับเงินที่มี แล้วทำให้คุณรู้ได้อีกด้วยว่าเงินทุนนั้นมาจากที่ไหน และควรจะต้องมีการชดใช้คืนหรือไม่นั่นเอง

3. เป็นการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ
การที่คุณทำอะไรลงไปโดยไม่มีการวางแผนนั้นมันมีโอกาสที่จะล้มได้มากกว่าคนที่วางแผนมาก่อน และถ้าหากว่าจะต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค์จริงๆ นั้น การวางแผนธุรกิจก็จะช่วยให้คุณมีแผนสำรองเอามาจัดการกับเจ้าปัญหาที่เกิดขึ้นมาได้

4. เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจของคุณเอง ถ้าคุณมีการวางแผนแน่นอนว่าคุณจะต้องรู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนหลัง หรือจะต้องมีการลำดับความคิดอย่างไร ในการวางแผนธุรกิจก็เช่นเดียวกัน มันจะทำให้คุณรู้ว่าควรจะทำสิ่งไหนก่อน และควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนบ้าง

5. เป็นการสร้างแนวทางในการดำเนินธุรกิจ
บางครั้งการทำธุรกิจนั้นอาจจะต้องมีการระดมเงินทุน เพราะเงินที่คุณมีอยู่ไม่เพียงพอ ถ้าคุณมีการวางแผนธุรกิจคุณสามารถใช้แผนนี้ไปเสนอให้กับนักลงทุนหรือคนที่สนใจได้ เพื่อมีโอกาสได้เงินทุนเหล่านั้นมาดำเนินการในการทำธุรกิจ แต่ถ้าคุณไม่มีแผนธุรกิจก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะไปขอกู้เงิน

ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่นั้นก็จะต้องอาศัยการวางแผนธุรกิจที่ดีอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจแล้ว ก็ยังช่วยให้คุณพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินธุรกิจได้อีกด้วย

หากต้องการปรึกษาการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือวางแผนธุรกิจสามารถติดต่อได้ที่ 

Email: service@smartstartupthailand.com
Tel: 083 916 4194
Fb: www.facebook.com/smartstartupthailand 

#การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจส่วนตัว #เริ่มต้นธุรกิจ

4 ข้อคิดเมื่อคุณ Start up ธุรกิจ

4 ข้อคิดเมื่อคุณ Start up ธุรกิจ



ในการเริ่มทำธุรกิจนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่การที่คุณประคับประคองให้ธุรกิจของคุณก้าวไปได้สวยนั้นเป็นสิ่งที่ยากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจอะไรนั้นเจ้าของธุรกิจเองก็จะต้องมีการเตรียมการวางแผนธุรกิจเอาไว้อยู่เสมอ แต่เพียงแค่การวางแผนนั้นอาจจะยังไม่พอ ซึ่งเรามี 4 ข้อคิดมาให้คุณได้นำไปใช้กับธุรกิจที่กำลัง Start up ด้วยตัวของคุณเอง

1. ความสมดุลของชีวิต และหน้าที่การงาน มันก็จริงอยู่ที่เราจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจได้นั้นจะต้องทุ่มทเทให้กับมันอย่างสุดความสามารถ แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มเทจนสุดตัว เพราะชีวิตนี้คุณไม่ได้มีแต่งาน คุณจะต้องออกไปเจอคนข้างนอก คุณมีครอบครัวที่รอเจอหน้าคุณอยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีการวางแผนธุรกิจโดยจะทุ่มเททั้งกาย และใจให้กับงาน หรือเรียกว่าถวายหัวให้กับงานแล้วล่ะก็ รีบคิดใหม่ได้เลย

2. การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด แต่ก็ไม่ควรมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ในการเริ่มต้นธุรกิจนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องที่คุณต้องอาศัยความมั่นใจในตัวเองอย่างมากเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามา แต่คุณเองก็ควรจะรับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้าง และพนักงาน หรือคนที่ทำงานร่วมกับคุณด้วยเช่นกัน เพราะคนเหล่านี้เปรียบเสมือนกระจกที่ส่องสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณให้คุณเห็น

3. สังเกตความเคลื่อนไหวของธุรกิจ
ธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นไม่ได้หมายความว่าจะแสดงถึงผลดีเสมอไป มันก็ใช้อยู่เพราะว่าคุณได้ทั้งกำไร และเป็นช่วงเวลาของการกอบโกยให้มากที่สุด แต่อย่างลืมว่าในระยะยาวนั้นคุณจะทำอย่างไรกับธุรกิจของคุณ การเติบโตที่เร็วอาจจะมาจากกระแส เทรนด์ ของคนในปัจจุบัน คุณควรจะหาวิธีในการสร้างจุดยืนให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาวด้วยเช่นกัน

4. สภาพแวดล้อมในการทำงาน สิ่งนี้มีความสำคัญมากเลยทีเดียว ในการวางแผนธุรกิจนั้นคุณอาจจะให้ความสำคัญกับการตัวเลข วิธีการดำเนินงาน แต่คุณก็อย่าลืมสภาพแวดล้อม บรรยากาศในการทำงาน เพราะคุณจะต้องอยู่กับงาน อยู่กับเพื่อนร่วมงาน ถ้าหากว่าบรรยากาศในการทำงานมันแย่ ใครบ้างล่ะที่จะอยากทำงาน? แต่ถ้าบรรยากาศในการทำงานมันดีซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือเจ้าของธุรกิจของคุณก็จะมีความสุขกับมันไปด้วย


ในการ Start up ธุรกิจของคุณอาจจะกำลังไปได้สวย และกำลังได้ผลตอบแทนที่ดี แต่บางคนนั้นก็อาจจะกำลังคิดอยู่ว่าควรจะทำยังไงให้ธุรกิจ Start up ของตัวเองเดินหน้าต่อไป ซึ่ง 4 ข้อคิดนี้อาจจะเป็นนาฬิกาปลุกที่ทำให้คุณตื่น และหันมามองรอบตัวได้แล้วว่าธุรกิจที่คุณกำลัง Start up อยู่นั้นควรไปในทิศทางไหนต่อ


หากต้องการปรึกษาการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือวางแผนธุรกิจสามารถติดต่อได้ที่ 

Email: service@smartstartupthailand.com
Tel: 083 916 4194
Fb: www.facebook.com/smartstartupthailand 

#การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจส่วนตัว #เริ่มต้นธุรกิจ

Startup คืออะไร?


Startup คืออะไร?


Startup ก็คือผู้ที่เริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่าง และถูกนำมาใช้เพื่อเรียกกลุ่มคนที่ริเริ่มทำธุรกิจของตัวเองและถูกใช้ในตอนแรกเริ่มสำหรับพวกกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างๆที่มีความแปลกใหม่ในตลาด และการเติบโตของ smartphone และ internet นั้นก็สามารถทำให้เกิดธุรกิจส่วนตัวของตัวเองได้ไม่ยาก พร้อมกับมีโมเดลและแผนธุรกิจสำหรับบริษัทเริ่มใหม่เหล่านี้ในแบบที่แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างดี


ใครบ้างที่เป็น Startup?

ไม่จำกัดว่าเป็นใคร ไม่จำกัดอายุและเพศใดๆทั้งสิ้น startup เหล่านี้เป็นคนหรือกลุ่มคนที่มีฝันที่มีไอเดียทำธุรกิจอยากเริ่มต้นธุรกิจและเส้นทางเดินของตัวเอง

Startup ต้องทำอะไร?

สำหรับ startup ทุกคน การเขียนแผนธุรกิจให้ถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็น และการเข้าใจผู้บริโภคและตลาดเป็นอย่างดีทำให้สามารถเข้าใจได้ว่าสินค้า/บริการที่คุณมีนั้นตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หรือไม่ หรือตอบโจทย์ได้ดีแค่ไหน การเริ่มธุรกิจใหม่เป็นเรื่องดี การแตกต่างเป็นเรื่องดี แต่การแตกต่างโดยไม่ได้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค อาจจะทำให้ไม่มีตลาด หรือทำตลาดได้อย่างยากมาก ลองถามคำถามไม่กี่ข้อกับสินค้านั้นๆก่อนที่จะเริ่มธุรกิจเหล่านี้ว่า ลูกค้าของสินค้า/บริการนี้คือใคร? ทำไมเค้าถึงต้องการสินค้า/บริการนี้? หากใช้/ไม่ใช้สินค้าเหล่านี้ลูกค้าเหล่านี้จะเป็นอย่างไร? ทำไมลูกค้าเหล่านี้จำเป็นต้องซื้อของคุณ? มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าสำหรับการแก้ปัญหาของลูกค้าเหล่าโดยไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าคุณหรือไม่? และด้วยคำถามไม่กี่ข้อเหล่านี้ คุณอาจจะเข้าใจได้ว่า สินค้าคุณเองมีตลาดหรือไม่ และหากคุณยังไม่ชัดเจน คุณจำเป็นต้องหาข้อมูลและทำความรู้จักและเข้าใจลูกค้าของคุณให้ดีมากๆก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจใดๆ บางทีสินค้าของคุณอาจเป็นสินค้าที่ดี แต่ดันไปเลือกลูกค้าผิดกลุ่มก็ได้ การลดความเสี่ยงโดยการเข้าใจกลุ่มลูกค้าก่อนจะเริ่มลงทุนใดๆจึงเป็นเรื่องที่ดีและหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเขียนแผนธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ


Smartstartup ยินดีให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาสำหรับ startup ทุกท่านสำหรับการวิเคราะห์ความต้องการผู้บริโภคและเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องสำหรับธุรกิจที่ต้องการทำ สนใจติดต่อได้ที่ service@smartstartupthailand.com


ต้องรู้ และ กำหนดลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนทำธุรกิจ


ต้องรู้ และ กำหนดลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนทำธุรกิจ


ก่อนที่ธุรกิจจะตัดสินใจทำการตลาด (Marketing) ในสินค้าและบริการของตน ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ธุรกิจทั้งหลายพึงจดจำไว้คือ จะต้องระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าคือใคร ไม่อย่างนั้น งบประมาณสำหรับทำการตลาดจะสูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง


การตลาดไม่ได้เป็นเพียงการโฆษณาตัวสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่เป็นวิธีการดึงดูดความสนใจให้ผู้บริโภคหันมามองตัวธุรกิจ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อรู้แน่นอนว่าใครคือเป้าหมายที่จะทำการตลาดก่อนที่จะ เข้าถึงคนกลุ่มนั้น ตัวอย่างเช่น การซื้อสป๊อตโฆษณาทางโทรทัศน์ ถ้าธุรกิจต้องการขายโปรแกรมการผจญภัยล่องแก่งโดยใช้แพยาง คำถามคือ กลุ่มเป้าหมายที่จะสนใจกิจกรรมแบบนี้จะมานั่งดูหน้าจอโทรทัศน์หรือไม่


การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเราอย่างรอบคอบว่าใครกันแน่คือคนที่จะมาซื้อสินค้า และบริการ อายุเท่าไร สถานะทางการสมรสเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน ชอบใช้เวลาว่างทำอะไร งานอดิเรกที่ชอบคืออะไร ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ซื้อใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือในช่วงวันหยุดชอบที่จะเดินทางไปไหน เหล่านี้เป็นต้น


ถ้าต้องการทำตลาดในสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจำเป็นต้องพัฒนาตลาดเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น จงหา “ลูกค้าในอุดมคติ” ให้พบ มองเห็นภาพของคนเหล่านั้นให้ทะลุปรุโปร่งถึงรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาทำอะไร คิดอย่างไร และต้องการอะไร แต่ถ้าในกรณีที่ไม่สามารถมองเห็นภาพเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน จำเป็นที่จะต้องทำการวิจัยลูกค้าเป้าหมายเสียก่อน ทั้งนี้เพราะถ้าไม่ชัด ก็จะไม่สามารถทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการตลาดว่าจะทำอย่างไร ที่ไหน และเมื่อไร


ก่อนที่จะทำการวิจัยลูกค้าเป้าหมาย ธุรกิจจะต้องกลั่นกรองคัดเลือกสินค้าและบริการที่คิดว่าจะนำมาทำตลาด ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการทำทุกสิ่งเพื่อทุกคน แต่ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่า รวมทั้ง ต้องรู้ว่าสินค้าและบริการของตนจะสามารถตอบสนองเหตุผลพื้นฐานของคนเราในการซื้อสินค้าและบริการอะไรบ้างใน 3 ประการ ได้แก่ เพื่อตอบสนองความจำเป็นหรือความต้องการพื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหา หรือเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น และเตรียมความพร้อมสำหรับทำการตลาดที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของสินค้า และบริการในการตอบสนองเหตุผลเหล่านั้นได้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่มีเพียงเหตุผลเดียว จากนั้น ธุรกิจจะมุ่งไปที่ตลาดเป้าหมายดังกล่าว โดยการใช้หลักการวิธีจำแนกตลาด (Market Segmentation) ประกอบด้วย


การกำหนดขอบเขตพื้นที่ที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ว่าจะอยู่ในระดับชุมชน ภูมิภาค ระดับประเทศ หรือส่งออก เมื่อรู้แน่นอนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการทำวิจัยเกี่ยวกับ “ประชากรศาสตร์ (Demographics)” ที่อยู่ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้เพื่อการจำแนกตลาด โดยส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ (วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน และผู้สูงอายุ) เพศ (หญิง หรือชาย) ระดับการศึกษา (มัธยม ปวช. ปวส. ปริญญาตรี โท เอก) รายได้ (ต่ำ ปานกลาง และสูง) สถานะการสมรส (โสด แต่งงานแล้ว หรือหย่าร้าง) พื้นฐานทางศาสนา และสุดท้ายคือ วงจรชีวิตครอบครัว (เพิ่งแต่งงาน แต่งงานมาแล้ว 10-20 ปี รวมทั้งมีบุตร หรือไม่มีบุตร) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักจะได้จากหน่วยงานทะเบียนราษฎร์ของภาครัฐเป็นหลัก


นอกจากข้อมูลทางกายภาพเหล่านั้นแล้ว ข้อมูลที่ต้องมีเพิ่มเติมจะเป็นข้อมูลด้านจิตวิทยา (Psychographics) ที่เกี่ยวกับ วิถีการดำเนินชีวิต (อนุรักษ์นิยม ชอบความตื่นเต้น ตามแฟชั่น หรือเป็นคนประหยัด) สถานะทางสังคม (ต่ำ ปานกลาง หรือสูง) ความคิดเห็น (ถูกชี้นำได้ง่าย หรือเป็นคนที่ต้องฟังความเห็นจากหลายฝ่ายก่อนตัดสินใจ) กิจกรรมและความสนใจ (กีฬา ฟิตเนส เดินซื้อของ หรืออ่านหนังสือ) ทัศนคติและความเชื่อ (เป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือเป็นคนที่มีความระแวดระวังในเรื่องของความปลอดภัยและมั่นคง) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักจะได้จากการสัมภาษณ์จากแบบสอบถาม


ถ้าในกรณีที่ลูกค้าไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไปแต่เป็นธุรกิจ ข้อมูลที่ต้องรู้คือ สินค้าและบริการของธุรกิจจะไปตอบสนองความต้องการของธุรกิจนั้นตรงจุดไหน จำนวนแรงงานในธุรกิจ ยอดขายประจำปี แหล่งที่ตั้ง และความมีเสถียรภาพของธุรกิจ รวมทั้ง การซื้อสินค้าและบริการทำอย่างไร (ตามฤดูกาล ซื้อภายในท้องถิ่นหรือประเทศ ซื้อตามปริมาณ และใครคือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ) มีอยู่ 3 เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งแตกต่างจากกรณี 3 เหตุผลของบุคคลทั่วไป ได้แก่ เพื่อเพิ่มรายได้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย หรือเพื่อคงไว้ซึ่งสถานภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งถ้าสามารถตอบสนองหนึ่งในสามของเหตุผลดังกล่าวได้ ก็เท่ากับสามารถค้นพบตลาดเป้าหมายได้เช่นกัน


พอถึงตอนนี้ธุรกิจพอจะรู้แล้วว่า “ใครคือลูกค้าในอุดมคติ หรือไม่ก็รู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นลูกค้า” ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของธุรกิจแต่ละราย บางแห่งพอถึงขั้นตอนนี้อาจจะสามารถเขียนบรรยายคุณลักษณะของลูกค้าได้เลย เช่น “ลูกค้าเป้าหมายคือ ผู้หญิงวัยกลางคน อายุระหว่าง 30-40 ปี ที่แต่งงานและมีบุตรแล้ว โดยเป็นคนที่ค่อนข้างจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเน้นการดูแลรูปร่างให้ดูดี” จากลักษณะที่กำหนดไว้ตรงนี้ ทำให้ธุรกิจได้รู้ถึงจำนวนกลุ่มเป้าหมายในขอบเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้ว่าจะ มีกี่ราย เพื่อทำวิจัยต่อว่า จากจำนวนนี้ มีกี่รายที่มีการซื้อสินค้าและบริการจากคู่แข่งแล้ว ที่เหลือที่ยังไม่ซื้อจากคู่แข่งขัน หรือยังไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์จากที่ไหนเลยมีอยู่จำนวนเท่าไร


หลายกรณีที่หลังจากการวิจัยตลาดพบว่า จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะหันมาซื้อสินค้าและบริการมีจำนวนน้อย หรือไม่ก็มีปริมาณการซื้อน้อยมากในแต่ละปี สิ่งที่ธุรกิจต้องทำต่อจากนี้คือ กลับไปตั้งต้น ณ จุดที่เริ่มมีการวางแผนใหม่ เพื่อกำหนดตลาดเป้าหมายให้ขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ซึ่งน่าจะไม่ก่อให้เกิดความยุ่งยากมากมายนัก อย่างน้อยจากขั้นตอนของการทำวิจัยตลาดตอนเริ่มต้น ก็ทำให้พอจะมีข้อมูลเพียงพอต่อการเริ่มต้นใหม่ หรือการเปลี่ยนทิศทางที่แตกต่างจากเดิมได้



สุดท้ายฝากเอาไว้ว่า เล็งให้ถูกเป้า ไม่สำคัญเท่า เลือกเป้าให้ถูก